การปลูกพืชให้สูงเป็นรูปแบบหนึ่งของการเพาะปลูกพืชที่นิยมใช้ในการผลิตพืชทั้งขนาดเล็กและใหญ่ ยังมีความสำคัญในการปรับปรุงผลผลิตที่นักเกษตรกรต้องการ มันเป็นกระบวนการที่ใช้เทคนิคต่าง ๆ เพื่อทำให้พืชเติบโตช้าขึ้น และมีความสูงที่อยู่ในระดับที่ต้องการ
สำหรับการปลูกพืชให้สูง มีหลายวิธีที่อาจใช้ โดยทั่วไปแล้ว จะใช้วิธีการตัดยอด (topping) หรือการสแปรง (brushing) รวมถึงการใช้ปุ๋ยเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของพืช อย่างไรก็ตาม วิธีการที่เลือกใช้จะขึ้นอยู่กับประเภทและลักษณะของพืชเนี่ยวนิยมเช่นกัน
วิธีการปลูกพืชให้สูงด้วยการตัดยอด
วิธีการตัดยอดหรือ topping เป็นวิธีที่นิยมใช้ในการปลูกพืชให้สูง โดยวิธีนี้มีขั้นตอนง่าย ๆ ที่สามารถทำเองได้ การตัดยอดจะเป็นการตัดส่วนยอดของพืชที่เราต้องการให้พืชเติบโตความสูงตามที่เราต้องการ
วิธีนี้เหมาะสำหรับพืชที่มีสายพันธุ์ที่อ่อนโยน อย่างเช่น ผักกาดขาว ผักชี ครับผัก ฯลฯ การตัดยอดต้องทำให้แน่ใจว่าการตัดต้องทำมืออย่างสะอาดและโดยใช้เครื่องมือที่คมความทันสมัย หลังจากตัดยอดแล้ว ให้ระวังการเกิดโรคหรือแมลงที่อาจเข้าทำลายต้นพืชที่มีการตัดยอด
วิธีการปลูกพืชให้สูงด้วยการใช้ปุ๋ย
การใช้ปุ๋ยเป็นวิธีการที่สามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตของพืชให้สูงได้ การใช้ปุ๋ยที่มีส่วนผสมความเร็วในการปลดปล่อยออกมาตัวแรก โดยการใช้ปุ๋ยที่มีสูตรสูงไนโตรเจน (โปรเตอร์ทาโฟรัสสูง) จะส่งผลให้พืชมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้พืชมีความสูงมากขึ้น
จากนั้น การใช้ปุ๋ยที่มีสูตรสูงโปแตสเซียมจะช่วยในการปลดปล่อยออกมาตัวฟอสฟอรัสสูงร่วมกับไนโตรเจน เพื่อให้พืชเติบโตเหนือพื้นดินอย่างมีคุณภาพ ความสูงของพืชจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ที่อยู่ในระดับที่ต้องการเสมอ
พืชที่ช่วยให้เป็นต้นเตี้ย
การรักษาสุขภาพล้ำสมัยในปัจจุบันสำคัญมากและเรามีวิธีการหลายวิธีเพื่อสร้างสุขภาพที่ดี หนึ่งในวิธีที่เหมาะสมคือการรับประทานพืชที่เป็นต้นเตี้ย พืชเหล่านี้มีสารอาหารที่มีประโยชน์มากมายที่สามารถช่วยป้องกันโรคและสนับสนุนระบบภายในของร่างกาย
นี่คือรายชื่อของพืชที่ช่วยให้เป็นต้นเตี้ย:
- ข้าวโอ๊ค – ข้าวโอ๊คเป็นแหล่งพลังงานที่ดีและมีค่าโปรตีนสูง มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์
- เป็นช่วยเสริมพลังงาน – มะเขือเทศ บลูเบอร์รี่ และมะละกอเป็นต้น เหล่านี้เป็นแหล่งวิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหารที่ช่วยเสริมสร้างพลังงานในร่างกาย
- เป็นช่วยสร้างระบบภายในที่แข็งแรง – เบบี้พันธ์รีก้า เขียวหวาน และกาไก่ พืชเหล่านี้รวมถึงฟังค์ชั่นการทำงานของระบบภายใน เช่น ระบบภายใอ่ออน ระบบการย่อยอาหาร และระบบขับถ่าย ซึ่งช่วยเสริมสร้างร่างกายที่แข็งแรงและสุขภาพดี
พืช | ประโยชน์สำคัญ |
---|---|
ข้าวโอ๊ค | ป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ |
มะเขือเทศ | เสริมสร้างพลังงาน |
บลูเบอร์รี่ | เสริมสร้างพลังงาน |
มะละกอ | เสริมสร้างพลังงาน |
เบบี้พันธ์รีก้า | เสริมสร้างระบบภายในที่แข็งแรง |
เขียวหวาน | เสริมสร้างระบบภายในที่แข็งแรง |
กาไก่ | เสริมสร้างระบบภายในที่แข็งแรง |
ผักกาดแขก
ผักกาดแขกเป็นหนึ่งในผักที่นิยมปลูกในประเทศไทย เดิมๆ, คนไทยใช้ผักกาดแขกในอาหารประเภทต้มเป็ดเทียม แต่ในปัจจุบันได้มีนิยมเพิ่มขึ้น เนื่องจากผักกาดแขกเป็นการเพาะเลี้ยงที่ง่าย และมีคุณค่าทางโภชนาการที่สูง
ผักกาดแขกมีใบเขียวเข้ม รูปร่างคล้ายกาดนก และเป็นพืชที่งอกงาม สามารถปลูกในที่เปิดโดยใช้เมล็ดพันธ์ เมล็ดพันธ์ที่ได้จากผักโอรส ณ ช่วงที่ไม่ต้องการผลผลิต และเมล็ดพันธ์จะงอกและโตออกมาในระยะเวลาประมาณ 7-10 วัน หลังจากนั้นสามารถปลูกในโรงเรือนหรือกลางแจ้งได้
- การดูแลรักษา: ผักกาดแขกต้องการแสงแดดเพียงพอและการรดน้ำที่เหมาะสม จำเป็นต้องเสริมเครื่องปรับอุณหภูมิสูงหรือช่วงที่อุณหภูมิต่ำโดยเฉพาะในช่วงเช้า
- การเก็บเกี่ยว: ต้นผักกาดแขกสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่อยาวประมาณ 10-12 ซม. หรือใบสีเขียวเข้ม โดยเก็บเกี่ยวโดยการถอนรากทั้งต้น
คุณค่าทางโภชนาการของผักกาดแขกต่อต้น | ปริมาณ (เท่ากับ 100 กรัม) |
---|---|
คาร์โบไฮเดรต (Carbohydrate) | 4.2 กรัม |
โปรตีน (Protein) | 2.6 กรัม |
ไฟเบอร์อาหาร (Dietary fiber) | 2.0 กรัม |
แคลเซียม (Calcium) | 217 มิลลิกรัม |
เหล็ก (Iron) | 1.8 มิลลิกรัม |
วิตามินเอ (Vitamin A) | 5,000 ยูนิต |
ถั่วเขียว
ถั่วเขียวเป็นพืชผักที่นิยมทานในประเทศไทย มีรากและเถาในลักษณะของต้นไม้เล็ก แต่มีใบเป็นระเบียบยาวมักจะใหญ่กว่าใบของพืชผักอื่นๆ ถั่วเขียวเป็นพืชที่สามารถเจริญเติบโตได้ไวมาก เมื่อปลูกให้ได้สัก 1 เดือนก็สามารถเก็บเกี่ยวใบเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้
ในประเทศไทย ถั่วเขียวถือเป็นพืชผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีค่าโปรตีนสูง มีเค็มจัด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมสร้างสุขภาพ ถั่วเขียวยังมีประโยชน์เพิ่มเติมเป็นต้นเหตุที่ถือว่าเป็นพืชผักที่มีประโยชน์ในการควบคุมน้ำหนักและลดความอ้วนเพราะหยิบได้เพียงปริมาณน้อยแต่ให้ชิ้นส่วนที่สองประกอบด้วยสารอาหารในปริมาณใกล้เคียงที่แต่การกินทุกอย่างกับมีประโยชน์ทั่วๆไป ชื่ออื่นของถั่วเขียวที่ใช้ในคนไทย คือ ถั่วไร่ ถั่วแขก และถั่วตอง
- มีประโยชน์ในการควบคุมน้ำหนักและลดความอ้วน
- เป็นแหล่งของโปรตีนที่สำคัญ
- มีไซเบอร์ในปริมาณสูง
- ในถั่วเขียวยังมีไพเนินทริน ซึ่งเป็นสารที่คุ้มค่าในการป้องกันเกิดมะเร็ง
ดังนั้นถั่วเขียวเป็นทางเลือกที่ดีในเรื่องการบำรุงร่างกายและสร้างสุขภาพที่ดี สามารถนำมาใช้ทานเป็นสลัดหรือผัดกับเครื่องเทศต่างๆได้
ผักโขม
ผักโขมเป็นพืชที่มีลักษณะเตี้ยงอดและสั้น สามารถปลูกได้ง่ายและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผักโขมเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในประเทศไทย และมีความเป็นที่ต้องการใช้ในการปรุงอาหารและเพื่อสุขภาพ มีรสชาติที่หวานเปรี้ยว และเนื้อใบที่หนาหยาบ สีเขียวเข้ม ซึ่งสามารถกินได้ทั้งแบบดิบและทอดเพื่อเพิ่มเส้นใยและความกรอบ ผักโขมมีสารอาหารที่สำคัญเช่น โพแทสเซียม กลากตา และวิตามินซี ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพของร่างกายหลากหลายด้านเช่น เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และช่วยสลายพิษภัยที่สะสมอยู่ในร่างกายออกภายนอก
การปลูกผักโขมสามารถทำได้ในระยะเวลาที่สั้น ต้องเตรียมดินที่มีความชื้นเพียงพอและร่อนตัวให้ดี เพื่อให้รากของผักโขมเจริญเติบโตได้อย่างดี ดินที่เหมาะสมสำหรับปลูกผักโขมคือดินร่วนหรือดินปนทรายที่มีส่วนผสมของปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกในปริมาณที่เพียงพอ เมื่อปลูกผักโขมเสร็จแล้ว ให้ระวังการเตรียมดินและการรดน้ำอย่างระมัดระวัง เนื่องจากผักโขมมีรากที่แบบแฉกเฉี่ยว การที่ดินแฉกมากเกินไปอาจทำให้รากของผักโขมหักได้ง่าย
สารอาหารที่สำคัญในผักโขม
สารอาหาร | ประโยชน์ |
---|---|
โพแทสเซียม | ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย |
กลากตา | ช่วยเพิ่มเส้นใยในระบบย่อยอาหาร และช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคทางเดินอาหาร |
วิตามินซี | มีคุณสมบัติเป็นแอนติออกซิแดนท์ ทำให้ลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งได้ |
การรับประทานพืชสดให้เป็นต้นเตี้ย
การรับประทานพืชสดมีความสำคัญอย่างมากในการสร้างสุขภาพที่ดีและป้องกันการเกิดโรคต่างๆ แต่การรับประทานอาหารที่เป็นพืชให้เป็นต้นเตี้ย เช่น ผักหวานป่า ผักชีฝรั่ง ผักตำลึง เป็นต้นมีประโยชน์สำคัญ โดย เมื่อรับประทานพืชในรูปแบบสด เช่น ผักสด ผลไม้สด หรือเครื่องปรุงรสจากพืชสด เช่น ผักสับปะรด หตุการณ์ในการเจริญเติบโตของเซลล์ร่างกายจะถูกกระตุ้นให้แข็งแรงและแข็งแรงขึ้น
พร้อมกับเพิ่มพลังงาน สารอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระ เช่นวิตามินซี และแอนตีออกไซแดนท์ ที่มีประสิทธิภาพในการสูญเสียน้ำหนัก
นอกจากนี้ การรับประทานพืชสดประกอบหลายสรรพคุณที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลายประเภทได้ เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน ซึ่งเกิดจากสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประมาณมากในพืชสด เช่น สารสารสาร์ค ลิคโอเพนน์ และโปลีเฟนออล
ถ้าคุณต้องการรับประทานพืชให้เป็นต้นเตี้ยอย่างมีประสิทธิภาพ คุณควรเลือกซื้อพืชสดที่มีคุณภาพดีและมาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เพราะพืชสดที่ถูกแปรรูปผ่านระยะเวลานานอาจจะสูญเสียสารอาหารบางชนิดและอาจเสื่อมสภาพได้ ดังนั้น ควรบริโภคทันทีหลังจากซื้อพืชสด
ควรไม่แช่นาน
การมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ไม่ได้มีขั้นตอนที่สมบูรณ์แบบ โดยการอาศัยอาหารจากพืชก็เป็นส่วนหนึ่งของการให้เกิดชีวิต การทานพืชให้เป็นต้นเตี้ยเป็นแนวทางที่ดีในการรักษาสุขภาพอย่างสมดุล มีประโยชน์ต่อร่างกายและสภาพแวดล้อม อย่างไรก็ตาม การแช่พืชนานเกินไปอาจส่งผลกระทบทั้งต่อคุณภาพและคุณค่าทางอาหารของพืชเอง
พืชมีชีวิตสั้นๆ และมีระยะเวลาการเจริญเติบโตที่จำกัด การแช่พืชนานๆ อาจทำให้พืชเสื่อมสภาพ สี เกิดหลากหลายประการและกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ นอกจากนี้ การแช่พืชนานอาจส่งผลกระทบต่อคุณค่าทางอาหารของพืช ควรดูแลทุกขั้นตอนในการทำอาหารรวมถึงการเก็บเกี่ยวและเนื่องจากพืชมีออร์แกนิคสำคัญเป็นส่วนใหญ่ การแช่นานเกินไปอาจทำให้ออร์แกนิคลดลง
- ควรกำหนดเวลาการแช่ที่เหมาะสม: นอกจากเวลาการแช่จะขึ้นอยู่กับชนิดของพืชแล้ว ยังขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ อุณหภูมิและความชื้นในสภาพแวดล้อมที่เก็บเกี่ยว หากเก็บพืชที่อุณหภูมิและความชื้นสูง
- เก็บเกี่ยวเมื่อพืชยังเป็นดิบ: พืชที่ยังไม่เจริญแตกต่างจากพืชที่โตแล้ว การเก็บเกี่ยวเมื่อพืชยังสด สุก และมีสีสันจะช่วยให้คุณค่าทางอาหารของพืชคงอยู่ได้นานขึ้น
การแช่พืชให้เป็นต้นเตี้ยเป็นวิธีที่ดีในการเก็บรักษาพืชให้คงคุณค่าทางอาหารและคุณภาพนานขึ้น แต่ควรใส่ใจในขั้นตอนและระยะเวลาในการแช่เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อคุณภาพของพืชโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวกับสี กลิ่นและคุณค่าทางอาหาร
อาหารเสริมที่ช่วยให้พืชเป็นต้นเตี้ย
การให้พืชเป็นต้นเตี้ยนั้นสำคัญอย่างยิ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพในการปลูกพืช มีหลายวิธีที่สามารถใช้ในการเพิ่มความสมบูรณ์และความเข้มแข็งของพืช เช่น การใส่อาหารเสริม
1. ปุ๋ยขี้วัว
ปุ๋ยขี้วัวเป็นหนึ่งในปุ๋ยที่อุดมไปด้วยธาตุอาหารที่จำเป็นสำหรับพืช ปุ๋ยขี้วัวสามารถช่วยให้พืชเจริญเติบโตเร็วขึ้นและมีรากแข็งแรง มันยังช่วยเพิ่มการต้านทานต่อโรคและแมลงที่สามารถทำลายพืชได้ นอกจากนี้ ปุ๋ยขี้วัวยังมีส่วนช่วยในการเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน
2. ปุ๋ยคอก
ปุ๋ยคอกเป็นปุ๋ยที่มีขนาดเล็กมากกว่าปุ๋ยขี้วัว มันมีส่วนสำคัญในการใส่ธาตุอาหารและอินทรียวัตถุให้แก่ดิน การใส่ปุ๋ยคอกช่วยเพิ่มปริมาณอินทรียวัตถุในดิน ทำให้ดินอุดมสมบูรณ์มากขึ้น จึงช่วยให้พืชเจริญเติบโตและเป็นต้นเตี้ยได้ดี
3. ปุ๋ยหมัก
ปุ๋ยหมักเป็นวิธีการบำรุงดินที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ปุ๋ยหมักมีส่วนประกอบทางชีวภาพที่ช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์แก่ดิน เช่น แบคทีเรียดีที่มีประโยชน์สำหรับพืช การใส่ปุ๋ยหมักช่วยเพิ่มปริมาณและคุณภาพของวัสดุอินทรียวัตถุในดิน ช่วยเพิ่มความชื้นในดิน และช่วยปรับสภาพดินให้เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของพืช
ปุ๋ยคอก: ผลิตเองและการใช้งาน
ปุ๋ยคอกเป็นปุ๋ยที่เราสามารถผลิตได้เองจากวัสดุธรรมชาติ เช่น รำข้าว มูลสัตว์ หรือการเพาะเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งถือเป็นวิธีการเพาะปลูกแบบอินทรีย์ที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การใช้ปุ๋ยคอกช่วยเพิ่มปริมาณอินทรีย์วัตถุในดิน ช่วยแก้ปัญหาความแห้ง ปัญหาสภาพดินที่เสื่อมโทรม และช่วยป้องกันและควบคุมโรคพืชในสภาพแวดล้อมธรรมชาติอีกด้วย
มีสองวิธีในการผลิตปุ๋ยคอก วิธีแรกคือการใช้วัสดุธรรมชาติเช่น รำข้าว มูลสัตว์ เป็นต้น และวิธีการที่สองคือการเพาะเชื้อจุลินทรีย์เพื่อการถูกสร้างปุ๋ยในเวลามีจำนวนมาก วิธีการตัวแรกจะใช้เวลานานกว่า แต่วิธีการนี้เป็นวิธีการที่สะดวกและไม่ต้องใช้การลงทุนสูงเท่าวิธีการที่สอง
- กระบวนการผลิตปุ๋ยคอกโดยใช้วัสดุธรรมชาติ
- เก็บรำข้าวแห้งหรือมูลสัตว์ที่ไม่มีปฏิกิริยาเคมี
- วางวัสดุลงในถังหรือที่สามารถเพาะเชื้อจุลินทรีย์ได้
- รดน้ำให้เหมาะสมในระหว่างวัน
- รออย่างน้อย 3-4 สัปดาห์จนกว่าวัสดุจะย่อยสลาย
- นำปุ๋ยคอกที่ได้ขึ้นมาใช้งาน
- การใช้ปุ๋ยคอก
- ใช้ปุ๋ยคอกเป็นปุ๋ยหลัก โดยใส่ปริมาณ 5-10 กิโลกรัมต่อต้นของพืช
- ปุ๋ยคอกสามารถใช้ร่วมกับปุ๋ยเคมีได้ โดยใช้ในสัดส่วนที่แนะนำ
- การใส่ปุ๋ยคอกควรเริ่มใส่ในช่วงหลังฤดูฝนหรือช่วงหน้าแล้ง และควรให้ปุ๋ยคอกมีการตกค้างในดินอย่างน้อย 1 เดือนก่อนที่จะใส่ปุ๋ยเคมี
- ปุ๋ยคอกสามารถใช้ในการปรับปรุงดินที่มีความเป็นกรดหรืออยู่ในระดับสูงได้ โดยให้ปุ๋ยคอกเป็นประจำ
ปุ๋ยเคมี
ปุ๋ยเคมีเป็นการใช้สารเคมีในรูปแบบของปุ๋ย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปลูกพืช เป็นรูปแบบที่ใช้แพะถึงการบำรุงรักษาพืช เพื่อเพิ่มผลิตภัณฑ์และคุณภาพของพืชให้มีมากขึ้น ปุ๋ยเคมีมีหลายรูปแบบ ซึ่งประกอบด้วยองค์ประกอบต่างๆ เช่น ไนโตรเจน (nitrogen), ฟอสฟอรัส (phosphorus), โพแทสเซียม (potassium), และองค์ประกอบอื่นๆ ที่ช่วยในการเติบโตของพืช
ปุ๋ยเคมีสามารถช่วยในกระบวนการสังเคราะห์แสงและการเปลี่ยนแปลงเป็นพลังงานของพืช โดยเฉพาะองค์ประกอบเชิงไนโตรเจน (ไนโตรเจน) ช่วยให้พืชเติบโตได้เร็วขึ้น ส่วนองค์ประกอบเชิงฟอสฟอรัส (ฟอสฟอรัส) ช่วยในกระบวนการเปลี่ยนแปลงของพืชเพื่อให้มีลักษณะทางกายภาพและคุณสมบัติที่ดีขึ้น สำหรับโพแทสเซียม (โพแทสเซียม) ช่วยในกระบวนการให้พืชมีแก่นสารที่ดีขึ้น องค์ประกอบอื่นที่เชื่อว่ามีบทบาทในการเติบโตของพืช เช่น กำมะถัน แมกนีเซียม และอื่นๆ อีกมากมาย